The King?s Speech เป็นการเล่าเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 ซึ่งมีข้อบกพร่องในเรื่องการพูดตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เนื้อหาบอกเล่าถึงเรื่องราวภายหลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์จอร์จที่ 5 (ไมเคิล แกมบอน) ผู้เป็นพระบิดา
พร้อมกับการสละโอกาสครองราชบัลลังก์ของเจ้าชายเอ๊ดเวิร์ด (กาย เพียร์ซ) ส่งผลให้เบอร์ตี (โคลิน เฟิร์ธ) ผู้มีปัญหาทางการพูด ต้องขึ้นครองราชย์แทนในนามพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ ด้วยเหตุที่ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์จวนเจียนเข้าสู่สงคราม และจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง เอลิซาเบ็ธ (เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์) ภรรยาของเบอร์ตี และอนาคตราชินี จึงจัดแจงให้สามีของเธอได้พบกับไลโอเนล ล็อก (เจฟฟรีย์ รัช) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคผิดปกติทางการพูด
จากการเริ่มต้นที่แสนลำบาก ผู้รักษาและผู้รับการรักษาต่างร่วมกันแสวงหาวิธีบำบัดแบบใหม่ ๆ ซึ่งก่อกำเนิดมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างชายทั้งคู่ ด้วยความช่วยเหลือของล็อก รวมทั้งครอบครัว, รัฐบาล และวินสตัน เชอร์ชิลล์ (ทิโมธี สปอลล์) กษัตริย์ จอร์จที่ 6 จะต้องเอาชนะอาการพูดติดอ่างให้ได้ เพื่อกล่าวปลุกปลอบพสกนิกรของพระองค์ ให้ลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติในภาวะสงคราม
มาพูดถึงตัวแสดงกันก่อน โคลิน เฟิร์ธ ที่รับบทเป็นพระ เจ้าจอร์จที่ 6? น่าจะพูดได้ว่าทำการบ้านมาพอสมควร เพราะเมื่อดูในคลิปภาพของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่กำลังพูดปลุกใจประชาชน เปรียบเทียบกันกับบทบาทของ โคลิน เฟิร์ธ จังหวะจะโคน สำเนียง แทบจะเป็นคน ๆ เดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนตัวแสดงอื่นๆ ที่มีบทบาทไม่แพ้กันน่าจะเป็น เจฟฟิรย์ รัช ที่รบบทเป็น ไลโอเนล ล็อก ผู้ทำการรักษาโรคติดอ่างของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยบทบาทการประชันกันของทั้งสอง นำพาเรื่องราวให้ดูน่าสนใจ น่าติดตาม และลุ้นว่าการรักษาแบบนี้จะช่วยคนติดอ่างได้จริงหรือ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล บทภาพยนตร์น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การแสดงของนักแสดงออกมาได้ในแบบที่ เป็นอยู่นี้ ซึ่งคงต้องบอกว่าโดยรวมในตอนแรกเข้าใจว่าหนังน่าจะเป็นแนวสารคดีประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ แต่เมื่อได้ดูจริง ๆ แล้วตัวหนังถึงแม้จะบอกเล่าเรื่องราวของกษัตริย์จอร์จที่ 6 แต่ทว่าก็มีอารมณ์ของความเป็นหนัง ที่มีทั้งสาระ บันเทิง ควบคู่กันไป โดยไม่ยัดเยียด เหมือนการดูหนังสารคดีเรื่องอื่น ๆ ไม่่ว่าจะเป็นการสอดแทรกสาระให้กับคนดู
ทั้งเรื่องความอดทน ความมานะ พยายาม ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จึงทำให้มีพระเจ้าจอร์จที่ 6 ขึ้นมาได้ เพราะหาก เบอร์ตี้? (ชื่อสำหรับเรียกกันในครอบครัวของพระเจ้าจอร์จ) ไม่พยายามหาทางแก้ไขปัญหาทางด้านการพูดของตัวเอง การปราศรัย การพูดปลุกใจในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะสงคราม ก็คงทำไม่ได้ และอังกฤษก็คงกลายเป็นประเทศผู้แพ้สงครามไป
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่อง The King?s Speech ถึง ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขารางวัลใหญ่ ๆ มาได้ เพราะนอกจากความสนุกที่ดูได้เรื่อยๆ แล้ว ยังมีแทรกมุกขำขำ น่ารัก ๆ เอาไว้ พร้อมกับข้อคิดที่แอบแฝงมา งานนี้คงต้องให้ไปพิสูจน์กันเองว่าหนังเรื่องนี้ดีจริงหรือไม่?เพราะความ พยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น.