เมื่อพูดถึงการรับอุปการะเด็ก จะเห็นว่าในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยม เพราะหลายครอบครัวมักเคยได้ยินสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า “เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” โดยความหมายของประโยคดังกล่าวจะแปลได้ความประมาณว่า? เอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูกเป็นภาระรับผิดชอบที่หวังผลตอบแทนแน่นอนไม่ได้ แต่ทว่าสำหรับคนต่างประเทศที่เรามักพบเห็นและรู้จักจากในภาพยนตร์ (ไม่แน่ใจว่าในความเป็นจริงจะเป็นหรือเปล่า) มักจะรับอุปการะเด็กที่อยู่ตามสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งแต่ละครอบครัวจะเป็นผู้เดินทางไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น ๆ เพื่อดูว่าหนูน้อยคนไหนต้องตาถูกใจบ้าง (เหมือนเข้าไปช้อปปิ้งเด็ก) แล้วก็ทำข้อตกลงกับทางสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมนำเอกสารทะเบียนราษฏร์ของเด็กน้อยผู้โชคดีกลับไป
สำหรับหนังเรื่อง Orphan หรือในชื่อไทยว่า ออแฟน เด็กนรก นี้ ก็มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับข้อความที่เขียนมาข้างต้น แต่จะต่างกันตรงที่ครอบครัวโคลแมนมีเหตุผลสำหรับการรับอุปการะเด็ก เพราะหลังจากที่ เคท และ จอห์น โคลแมน ต้องสูญเสียลูกในครรภ์ไป ฝันร้ายก็เริ่มตามหลอกหลอน จนกลายเป็นความล้มเหลวในชีวิตแต่งงาน ด้วยจิตใจอันเปราะบางของเคท เธอจึงถูกฝันร้ายจากเงาอดีตตามหลอกหลอน ทั้งสองจึงดิ้นรนที่จะทำตัวให้กลับสู่ชีวิตปกติ ด้วยการตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กอีกคน (ทั้ง ๆ ที่มีลูกอยู่แล้วถึงสอง) และนี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวสยองขวัญที่คุณไม่อาจนึกถึง
หลังจากเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ พกพาความหวังไว้อย่างเต็มที่ที่จะได้ดูหนังระทึกขวัญ เขย่าขวัญ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง เพราะเค้าทำซาวด์ออกมาได้แบบตกใจอย่างแรง แต่ทว่าในการดำเนินเรื่องราว ตั้งแต่หลังจากที่ครอบครัวโคลแมนรับเอสเธอร์เข้ามาอยู่ร่วมบ้านกันแล้ว ในส่วนการถ่ายทอดความผูกพันของครอบครัว การพยายามทำให้เอสเธอร์ไม่แปลกแยก มันดูเอื่อย ๆ ไปสักหน่อย แต่ก็เข้าใจว่าเค้าต้องการสื่อสารถึงความรัก ความเอาใจใส่ของครอบครัวให้คนดูได้ดูแล้วเข้าใจ แต่ว่าถ้าจะให้มันสนุกสนานขึ้นอีกสักนิด ก็คงจะดีไม่น้อย
และหลังจากที่? เคท เริ่มสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ ที่เอสเธอร์ปิดบังเธอ ประกอบกับ ลูก ๆ ทั้งสองของเธอ แดเนียล และ แม็กซ์ เริ่มมีอาการหวาดกลัว เคท จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเสาะหาความจริงว่าแท้จริงแล้ว เอสเธอร์ เป็นใครกันแน่
ในเรื่องนี้ต้องขอยกนิ้วให้นักแสดงทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เอสเธอร์ ที่นำแสดงโดย อิซาเบล เฟอร์แมน ที่แสดงความเป็นเด็กที่มีอะไรผิดแปลกแตกต่าง แตกแยก ได้เป็นอย่างดี, แม็กซ์ (อายาน่า เอ็นจิเนียร์) ลูกสาวของเคท ที่เป็นเด็กหูหนวก จะถ่ายทอดคำพูดด้วยการใช้มือสื่อภาษา เธอแสดงได้อย่างน่ารักสมวัย และแสดงความหวาดกลัวให้เราเอาใจช่วยได้แบบจริงใจ, แดเนี่ยล (จิมมี่ เบนเน็ต) ลูกชายคนโตของ เคท ด้วยการแสดงออกแบบเด็กผู้ชายที่ไม่ยอมรับใครให้เข้าอยู่ร่วมในครอบครัวได้ง่าย ๆ และพยายามเปิดเผยตัวจริงของเอสเธอร์ให้ได้, เคท (วีร่า ฟาร์มิกา) รับบทแม่ที่มีลางสังหรณ์ของความเป็นแม่ เธอแสดงได้อย่างทุ่มสุดตัวเพื่อให้ลูก ๆ ของเธอปลอดภัย
ส่วนเรื่องการลำดับภาพอย่างที่บอกไป ว่ามีอืดเอื่อย ในช่วงหลังจากที่เอสเธอร์มาอยู่ด้วย แต่หลังจากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ตัวหนังเริ่มตื่นเต้น และมีเสียงดนตรีเขย่าอารมณ์ ให้คนดูช่วยลุ้นระทึก คอยเอาใจช่วยให้ เคท ฝ่าด่านเอสเธอร์ หาทางออกของชีวิตให้ได้
ซึ่งเรื่องราวของตัวหนังตรงกับสุภาษิตของไทยที่ว่า “เอาลูกเค้ามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” ผลของการเอาลูกใครมาเลี้ยงก็ไม่รู้ เลยส่งผลความหายนะมาสู่ครอบครัว