เรื่องราวของ แชปปี้ หุ่นยนต์ที่ถูกผู้กระทำผิดกฎหมายลักพาตัวไปตั้งแต่ตอนแรกกำเนิด และก็เปลี่ยนมาเป็นพวกใหม่ของครอบครัวไม่สมประกอบ ทว่า แชปปี้ ก็ฉายแววมีชีวิตจิตใจ เกินหุ่นปกติออกมา ตราบจนกระทั่งความลับนี่ถูกเจอโดยนายทหารอิจฉาตาร้อน ความคาดหวังจะทำลายหุ่นตัวนี้ลงเนื่องจากว่าการที่มันมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง
jumbo jili
ซึ่งเอาจริงเอาจังๆถ้าหากว่าจะชี้แจงหนังเรื่อง Chappie ให้ได้เห็นภาพเยอะที่สุด ก็อาจจะจำเป็นต้องพูดว่าหนังมาสไตล์ของการเสียดสีแบบ District 9 แต่ว่าฉากแอ็คชั่นสนุกระเบิดแบบ Elysium ก็ว่าได้ ด้วยเหตุว่าจากที่ดูแล้วก็ดูอย่างกับว่าผู้กำกับการ บอมแคปป์ ที่จะมิได้ทิ้งลายเส้นของตนเองให้ไกลห่างไปจากเดิมมากแค่ไหนนัก ซึ่งหัวข้อสำคัญที่ Chappie จับมาเล่นนั้นก็ถือว่าสามารถเข้าถึง และก็กัดจิกแบบไม่อ้อมค้อมได้เป็นหลัก กับการให้ค่าของ องค์ประกอบความเป็นคน ผ่านอีกทั้งสิ่งแวดล้อม, ภาษา และก็รวมทั้งความสำนึกคิด ที่ล้วนแต่กลับมาถามว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราเป็นตัวพวกเรา โดยความเป็นจริงมันเป็นจิตไร้สำนึก หรือเป็นเพียงแต่สิ่งแวดล้อมที่พวกเราถูกชุบเลี้ยงมากันแน่ ผ่านเรื่องราวการถ่ายทอดของ ครอบครัวกลุ่มสเตอร์ แล้วก็การประมือของ ทหารฉ้อโกง ที่ชี้ให้เห็นว่าหากแม้ชนชั้นจะไม่เหมือนกัน แม้กระนั้นความต่ำช้า รวมทั้ง ความเป็นคน ก็มิได้สูงศักดิ์ไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ถึงบางครั้งอาจจะไม่เฉียบคมเท่า District 9 แม้กระนั้นก็เป็นความทะมากทะยานที่น่ายกยอ
สล็อต
โดยอีกสิ่งนึงที่ส่วนตัวรู้สึกว่า Chappie สามารถจับมาเล่นได้น่าดึงดูดเป็นเรื่องของ จิตวิญญาณ ที่เป็นสิ่งที่แน่ๆว่าไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นยังไง อีกทั้งเรื่องของ ความรัก โกรธ รังเกียจ โกรธแค้น รวมทั้ง เสียใจ และก็ตัวหนัง Chappie นี่เองก็มิได้สามารถให้คำตอบของมันก้าวหน้าเท่าปริศนาที่ตั้งเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นเหตุผลที่ถูกใจก็เนื่องจาก ตัวหนังมันสามารถถือเรื่องราวใหญ่ๆพวกนี้ มายัดแล้วก็ตั้งปัญหาถึงการจุดสำคัญของ จิตไร้สำนึก รวมทั้ง อัตลักษณ์ ในช่วงท้ายได้อย่างเกิดคาด
สล็อตออนไลน์
แล้วก็หากคุณมีความรู้สึกว่าตัวหนังจะเน้นแต่ว่าการเล่าเรื่องแบบงี้ในเชิงน่าระอาราวช่วงต้นของ District 9 ก็จำเป็นต้องขอตอบว่าคุณคิดผิด เพราะเหตุว่าแน่ๆว่าในเมื่อหนังอยู่ในมือของสตูดิโอใหญ่อย่าง โซนี่ ก็จะต้องมีถูกจับสั่งฉากแอ็คชั่นเข้าไปในเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเอาเข้าจริงๆเลย ฉากแอ็คชั่น มันมิได้มีความสำคัญต่อเรื่องราวสักเท่าไหร่เลย (รวมทั้งนักแสดงของ ฮิวจ์ แจ็คแมน ด้วย) แต่ว่าคงจะด้วยเหตุว่าหนังมันจะต้องมีจุดขายอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ดราม่าเกินทุนราคาสูงมากมายไป ก็เลยจะต้องใส่เข้ามาเป็นส่วนประกอบ แต่ว่าจุดเด่นของมันเป็น ผู้กำกับสามารถถ่ายทอดฉากแอ็คชั่นพวกนั้นออกมาได้มันมากกว่าผลงานเก่าทั้งยัง 2 เรื่องรวมกันเสียอีก
jumboslot
แต่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ โดยสรุปแล้วผมรู้สึกว่า Chappie จัดได้ว่าเป็นหนังไซไฟเรื่องนึงที่มองบันเทิงใจ ซึ่งถึงแม้ว่าบางครั้งก็อาจจะยังไม่อาจจะเสียดสีได้คมเท่า District 9 แต่ว่าก็จัดว่ามีความทะมากทะยานสำหรับในการถ่ายทอดเรื่องใหม่ๆเจริญ รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่เห็นได้ชัดว่าความสามารถของผู้กำกับโน่นปรับปรุงมากขึ้นเรื่อยๆจากเรื่องก่อน และก็คอยไม่ไหวแล้วที่เขาจะได้ควบคุม Alien ภาคถัดไปเสียเชิง
